By อ.วิน ศุภฤกษ์ อดุลประเสริฐสุข ขอขอบคุณชุดรูปภาพจาก PIXAbay.com ฟังก์ชันมีความหมายว่าอีกอย่างหนึ่งที่แปลว่าทำงานได้อยู่ (It works.) เป็นความสัมพันธ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งราวกับว่าเมื่อกดปุ่มเริ่มต้นแล้ว(สมาชิกตัวหน้า) ก็รู้ผลลัพธ์(สมาชิกตัวหลัง)ได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะเหมือนเดิมทุกครั้งถ้ากดปุ่มเดิม ฟังก์ชันจากเซต A ไปยังเซต B f:A→B หมายถึงเมื่อเราเลือกสมาชิกของเซตA แล้วจะไปจับคู่กับสมาชิกของเซต B ได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวที่ถูกกำหนดล่วงหน้าไว้ด้วยฟังก์ชันนั้นๆ ว่าต้องคู่กัน ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชัน f(x) = 2x จากเซต A={1, 2, 3, 4, 5} ไปยังเซต B={2, 4, 6, 8, 10, 12, 14, 16} สามารถเขียนในรูปของสมการ y = 2x ซึ่ง y ก็คือ f(x) นั่นล่ะในที่นี้และโดยทั่วไป ถ้าไม่ได้กำหนดเป็นอย่างอื่นเสียก่อนน้า เมื่อ x=1 จะได้ว่า y=2 เขียนเป็นคู่อันดับได้ว่า (1,2) เมื่อ x=2 จะได้ว่า y=4 เขียนเป็นคู่อันดับได้ว่า (2,4) เมื่อ x=3 จะได้ว่า y=6 เขียนเป็นคู่อันดับได้ว่า (3,6) เมื่อ x=4 จะได้ว่า y=8 เขียนเป็นคู่อันดับได้ว่า (4,8) เมื่อ x=5 จะได้ว่า y=10 เขียนเป็นคู่อันดับได้ว่า (5,10) สมาชิกของ A แต่ละตัวที่มีความสัมพันธ์กับสมาชิกของ B เรียกว่าโดเมน (domain) ของฟังก์ชัน f สมาชิกของ B แต่ละตัวที่ฟังก์ชัน f สัมพันธ์ด้วยเรียกว่าเรนจ์ (range) ของฟังก์ชัน f ฟังก์ชันมีความสำคัญมากในคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สามารถใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและระยะทาง ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและปริมาตร
ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและความดัน ความสัมพันธ์ระหว่างแรงและระยะทาง ฟังก์ชันยังสามารถใช้แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้มากมาย เนื้อหาฉบับเต็มคลิกที่นี่ ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
0 Comments
Your comment will be posted after it is approved.
Leave a Reply. |